การเฟ้นหาไอเดียจากสิ่งใกล้ตัว คนใกล้ตัว มีตัวอย่างความสำเร็จที่เกิดขึ้นมากมาย อาจเพราะจากการสังเกต เรียนรู้ และคิดหาทางเลือกที่ดีกว่า คือก้าวสำคัญในการสร้างธุรกิจ ดังเช่นคุณแม่ทั้ง 3 คนที่เรานำมาบอกเล่าในที่นี่ ซึ่งสร้างธุรกิจเล็กๆ ขึ้นมาจากประสบการณ์ของการเลี้ยงลูกน้อย และไม่ใช่แค่เพียงการมองตลาดในประเทศเท่านั้น แต่ยังมองไปไกลถึงระดับ Global เลยทีเดียว
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
คุณสุรีย์ คุณมงคลวุฒิ กรรมการผู้บริหาร บริษัท แอทติทูด มัม จำกัด
ผู้ผลิตเครื่องปั๊มนมแบรนด์ไทยยอดฮิตอย่าง "ATTITUDE MOM" ที่ไม่มีคุณแม่คนไหนในยุคนี้ไม่รู้จัก เล่าว่าสมัย 9 ปีที่แล้วไม่มีความเข้าใจในการเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมแม่
แม้แต่เครื่องปั๊มนมก็ยังไม่รู้จักเท่าไร
ผลที่เกิดคือลูกเป็นภูมิแพ้นมวัวอย่างหนัก
ต้องกินนมผสมที่สำหรับเด็กที่แพ้โปรตีนนมวัวโดยเฉพาะ ซึ่งราคาสูงมากแถมลูกยังป่วยบ่อยมากด้วย
พอวางแผนจะตั้งครรภ์คนที่ 2
เลยศึกษาทุกอย่างเพื่อให้ลูกเราปลอดภัยและแข็งแรงที่สุด สั่งเครื่องปั๊มนมมาจากต่างประเทศ
ทำให้สามารถเลี้ยงลูกคนนี้ด้วยนมแม่นานถึง 2 ปี
ซึ่งมันคุ้มค่ามากจริง ๆ ณ จุดนี้เองทำให้เกิดไอเดียผลิตเครื่องปั๊มนมแบรนด์ ATTITUDE
MOM ขึ้นมา ด้วยฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์คุณแม่ยุคใหม่
ปั๊มได้เกลี้ยงเต้า ไม่เจ็บ ซึ่งเชื่อว่าคนเป็นแม่เข้าใจความรู้สึกเจ็บนี้ดี
ตอนนี้แบรนด์เข้าสู่ปีที่ 5 แล้ว
ก็ยังเดินหน้าพัฒนารุ่นใหม่ๆ ต่อไป
“ปีแรกที่สร้างแบรนด์ไม่ได้มองตลาดต่างประเทศเลย
แต่หลังจากเป็นที่รู้จักในกลุ่มคุณแม่และวางทดลองให้ใช้ในโรงพยาบาลเอกชนใหญ่ๆ
ที่มีลูกค้าเป็นชาวต่างชาติ ทำให้ชาวกัมพูชาและ สปป.ลาว ซื้อผลิตภัณฑ์กลับไปและเกิดเป็นการบอกปากต่อปาก
ต่อมาได้ขยายตลาดไปยังคุณแม่ชาวไทยที่พักอาศัยที่ออสเตรเลีย อังกฤษ
และสหรัฐอเมริกา ลูกค้าจึงรู้จัก ATTITUDE MOM มากขึ้น ทำตลาดต่างประเทศมาได้ 2 ปีแล้ว
ซึ่งปกติมีการทำตลาดทุกช่องทางไม่ว่าจะเป็นออนไลน์ หน้าร้าน โดยเฉพาะการออกงานแสดงสินค้าที่ช่วยได้มาก
พอมาถึงช่วง COVID-19 แม้จะไม่มีงานแฟร์ให้ไปแต่ช่องทางออนไลน์กลับดีขึ้นมาก”
คุณตูน-สุภัชชา ปิตินันท์ อดีตนักร้องสาวชื่อดัง ที่วันนี้ผันตัวมาเป็นเจ้าของแบรนด์ “Minisizeme” เสื้อผ้า สินค้าไลฟ์สไตล์แม่และเด็กตั้งแต่แรกเกิด เล่าว่า
แบรนด์นี้ได้แรงบันดาลใจมาจากลูกสาว ที่เป็นผื่นแพ้ผิวหนังตั้งแต่ 3 เดือน
ค้นหาสาเหตุและคำตอบจนรู้ว่ามาจากเสื้อผ้าที่สวมใส่ทั้งลูกและแม่
หลังจากพยายามหาซื้อเสื้อผ้าที่ทำจากธรรมชาติในเมืองไทยก็ไม่มี
จึงคิดที่จะผลิตเองจากผ้าฝ้ายทอมือย้อมสีธรรมชาติมาจากธรรมชาติอันบริสุทธิ์
ด้วยกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สำคัญเลยคือมีเทคโนโลยีแอนตี้แบคทีเรีย
ช่วยป้องกันเชื้อโรคที่อยู่รอบตัว
แล้วเมื่อก่อนไม่มีใครทำเสื้อคู่แม่ลูกตั้งแต่ลูกยังเล็กๆ มีแต่อายุขวบขึ้นไป
เลยเป็นไอเดียที่ทำแบรนด์นี้ขึ้นมาเพื่อให้ทั้งครอบครัวได้ใส่เสื้อผ้าธีมเดียวกัน
"ตอนนี้เริ่มจำหน่ายกับลูกค้าในต่างประเทศด้วย
จากการเข้าร่วมงาน STYLE BANGKOK ตั้งแต่ปีที่แล้ว
และได้ร่วมกิจกรรมจับคู่ธุรกิจในต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ ฝรั่งเศส
ฯลฯ กับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
ทำให้ทราบความต้องการของลูกค้าและเอามาปรับดีไซน์ โดยเสื้อผ้าแบรนด์ Minisizeme
สามารถปรับได้หลายขนาด ของลูกนั้นสามารถใส่ได้ตั้งแต่แรกเกิดไปจนถึง
1-2 ขวบ
ส่วนคุณแม่ก็ใส่ได้ตั้งแต่ตั้งครรภ์ไปจนถึงให้นมลูก ส่วนใหญ่เราจำหน่ายผ่านออนไลน์เพราะสะดวกและคุณแม่ยุคใหม่ก็ถนัดแบบนี้
ที่สำคัญเลยคือช่วง COVID-19 กลายเป็นว่าจุดเด่นของการเป็นเสื้อผ้าธรรมชาติทำให้ลูกค้าต้องการมากขึ้น
มีการสั่งซื้อจาก แคนาดา อเมริกา ฝรั่งเศส ฮ่องกง สิงค์โปร์ ซึ่งเราดีใจมาก
ทำให้สนุกกับการลงมือลุยธุรกิจนี้มากขึ้นไปอีก"
คุณโอ๋-ปริยา ชัยลิมปมนตรี เจ้าของแบรนด์ “นิทาน”
ผู้ดีไซน์ผ้าคลุมและชุดให้นมบุตรจนถูกอกถูกใจเหล่าคุณแม่ เล่าว่า
แบรนด์นิทานนั้นเกิดขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ Pain Point ของบรรดาคุณแม่
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสะดวกในการให้นมและปั๊มนมตอนอยู่ข้างนอก ชุดไม่สวย อึดอัด
โดยจุดเริ่มต้นของแบรนด์นั้นเกิดจากเมื่อมีลูกคนแรกแล้วต้องใส่เสื้อที่มีกระดุมหน้าตลอดเวลา
รู้สึกจำเจกับชุดเดิม และไม่สะดวกต่อการให้นม พอจะมีลูกคนที่ 2 จึงออกแบบและดีไซน์ขึ้นมาใช้เอง โดยเน้นเรื่องความง่ายของการให้นม
การปั๊มนมแบบข้างเดียวและสองข้าง และมีฟังก์ชั่นใช้งานที่คนเป็นแม่ต้องการทั้งหมด
เมื่อเพื่อนเห็นแล้วชอบจึงชวนให้ผลิตเพื่อไปจำหน่ายในงาน Baby and
Kids Best Buy และได้รับผลตอบรับที่ดีมาก
จึงเริ่มทำแบรนด์อย่างจริงจังจนถึงทุกวันนี้ 5 ปีแล้ว
“สำหรับตลาดต่างประเทศนั้น
กลุ่มคุณแม่คนไทยที่อยู่เมืองนอกเริ่มรู้จักแบรนด์มากขึ้นในช่วงปีที่ 2 จากดีไซน์ที่สวย ทันสมัย สามารถให้นมลูกได้สะดวก
โดยเฉพาะญี่ปุ่น อังกฤษ ยุโรป และสหรัฐอเมริกา
และเรายังได้เข้าร่วมกิจกรรมจับคู่ธุรกิจในต่างประเทศก็ยิ่งทำให้ขยายตลาดได้เพิ่มขึ้นอีก
ซึ่งช่องทางออนไลน์ถือเป็นช่องทางหลักของการสั่งซื้อสินค้าไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์
เฟซบุ๊ก และไลน์ ตอนนี้แบรนด์มีไลน์สินค้าใหม่ๆ มาเอาใจคุณแม่สายแฟชั่นด้วย เช่น
กางเกงพยุงครรภ์และกางเกงเพื่อความสบายหลังคลอด
เพราะรู้ว่าเป็นสิ่งที่คุณแม่ต้องการจริง ๆ”
ทั้งนี้ข้อมูลจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
(DITP) ระบุว่า “ในปี 2562 ตลาดสินค้าแม่และเด็กในประเทศไทยมีมูลค่าสูงถึง
40,000 กว่าล้านบาท และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง จึงเป็นโอกาสของแบรนด์ใหม่ๆ
ที่สามารถสร้างความแตกต่างและโดดเด่นให้กับสินค้าของตนเองเข้ามาเจาะตลาดได้มากขึ้น
ขณะเดียวกันในประเทศที่มีประชากรเป็นจำนวนมากอย่างประเทศจีน
มูลค่าตลาดของสินค้าแม่และเด็กในปี 2562 สูงถึง 2.7 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 12.1
ล้านล้านบาท) ซึ่งนับว่าเป็นตลาดเป้าหมายที่น่าสนใจมากสำหรับผู้ประกอบการไทย
ยิ่งเมื่อ “นโยบายลูกคนที่ 2” ถูกประกาศใช้ตั้งแต่ปี 2559 มาแล้วนั้น ส่งผลให้ตลาดสินค้าแม่และเด็กในจีนคึกคักขึ้นอย่างมาก โดยในระยะ 3 ปีที่ผ่านมาเติบโตขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 15 ต่อปี อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่ทุกๆ แบรนด์จะต้องคำนึงถึงหากต้องการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ คือสินค้าจะต้องตอบโจทย์ความต้องการ มีคุณภาพ พัฒนารูปแบบใหม่ๆ อยู่เสมอ และเจ้าของแบรนด์ต้องสื่อสารกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อธุรกิจบัวหลวง SMEs ดีแน่นอน<<