สำนักข่าวในมณฑลไหหนานรายงานถึงความสำเร็จในการทดลองปลูกทุเรียนพันธุ์หมอนทอง
และมูชางคิง ในอำเภอปกครองตนเองชนชาติหลี และเหมียวเป่าถิง (Baoting li and Miao Autonomous Country) มณฑลไห่หนาน
จากที่นายหยู เต๋อเซิ่ง เจ้าของสวนเงาะแห่งหนึ่งในตำบลซานเต้า อำเภอเป่าถิง
ได้นำต้นกล้าทุเรียนจากเวียนนามไปปลูก เพื่อปรับภูมิทัศน์สวนเงาะตั้งแต่เดือนตุลาคม
2557 โดยไม่รู้ว่าเป็นทุเรียนสายพันธุ์ใด และไม่ได้คาดหวังว่าจะออกผล
เมื่อปลูกได้ประมาณ 2 ปี ต้นก็เริ่มออกดอกและติดผล แต่ไม่นานผลก็หลุดจากต้น ในปีที่สามก็ออกดอกและผลหลุดจากต้นซ้ำเหมือนปีก่อน จากนั้นปลายปี 2561 ทุเรียนก็ออกดอกเช่นเคย กระทั่งเดือนกุมภาพันธุ์ 2562 พบว่าครั้งนี้ผลทุเรียนไม่ได้หลุดร่วงเหมือนหลายครั้งก่อนอีกแล้ว และเริ่มมีผลใหญ่ขึ้น จนสามารถเก็บผลผลิตล็อตแรกได้ช่วยเดือนพฤษภาคม 2562 รวมผลผลิตที่เก็บได้ประมาณ 150 กิโลกรัม และพบว่าต้นทุเรียนยังออกผลอีกไม่น้อย
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ปัจจุบันสวนดังกล่าวมีต้นทุเรียน 40
ต้น ในจำนวนนี้ร้อยละ 90 ออกดอกและติดผล โดยผลทุเรียนขนาดใหญ่สุดมีน้ำหนักประมาณ 3
กิโลกรัม และต้นที่ออกผลมากที่สุดติดผลประมาณกว่า 20 ลูก
นอกจากนี้ผลทุเรียนล็อตแรกที่ออกมายังมีรสชาติดี มีความหวาน
นับเป็นการประสบความสำเร็จในการเพาะปลูกทุเรียนของจีน
ข้างต้นเป็นข่าวที่ฝ่ายการเกษตรประจำสถานกงศุลใหญ่
ณ นครกว่างโจว ซึ่งได้ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการปลูกทุเรียนในมณฑลไห่หนาน
สาธารณรัฐประชาชนจีน รายงานไว้ก่อนหน้านี้ จากการติดตามข่าวทั้งตามเว็บไซต์ในจีนและเว็บไซต์ต่างประเทศ
ซึ่งข่าวดังกล่าวเป็นข่าวที่ได้รับความสนใจอย่างมาก และสถาบันวิทยาศาสตร์การเกษตรมณฑลไห่หนาน
ซึ่งได้ทำการทดลองปลูกทุเรียนอยู่แล้วเดินทางไปสำรวจเยี่ยมชมและเก็บข้อมูล
พร้อมกับนำทุเรียนมาทดสอบพันธุ์ และความหวาน
เบื้องต้นพบว่าเป็นทุเรียนพันธุ์มูชางคิง และหมอนทอง
ล่าสุดวันที่ 16 เมษายน 2563
ผู้สื่อข่าวจากเว็บไซต์ China News
ได้เดินทางไปติดตามความคืบหน้าการปลูกทุเรียนที่อำเภอปกครองตนเองชนชาติหลี
และม้งเป่าถิง มณฑลไห่หนาน ซึ่งเมื่อปีที่ผ่านมาสวนเงาะหัวเชิ่ง เป่าถิง
มณฑลไห่หนาน ได้เก็บทุเรียนเป็นครั้งแรก พบว่าปีนี้ต้นทุเรียนติดผลเช่นเดียวกัน
นายหยู เต๋อเชิ่ง (Yu Desheng)
ผู้ดูแลสวนเงาะหัวเชิ่งเป่าถิง เปิดเผยว่า ปี 2562 ที่ผ่านมาต้นทุเรียนติดผล 20-30
ผล ขณะที่ปีนี้ติดผลไม่น้อยกว่า 60 ผล โดยอัตราการติดผลเพิ่มขึ้นกว่าเดิมกว่าเท่าตัว
นอกจากนี้จากที่ทุเรียนบางต้นไม่ออกดอกเมื่อปีที่ผ่านมา แต่ปีนี้ปรากฏว่าทุกต้นออกดอก
และนายหยู ได้ทำการเพาะพันธุ์กล้าทุเรียน 10,000 ต้น ส่วนหนึ่งจะนำมาใช้เอง
อีกส่วนหนึ่งจะให้เกษตรกรรายอื่นนำไปเพาะปลูก
นายเฝิง เสี่ยวเจี๋ย (Feng Xuejie) ผู้อำนวยการสำนักวิจัยไม้ผลเขตร้อนภายใต้การดูแลของสถาบันวิทยาศาสตร์การเกษตรมณฑลไห่หนาน
กล่าวว่า ปีนี้ทางสำนักวิจัยฯ ได้ทำการควบคุมยอดต้นทุเรียน
กระตุ้นให้ทุเรียนแตกหน่อออกดอก ซึ่งได้ผลดีโดยต่อยอดพัฒนาจากพื้นฐานของปีที่ผ่านมา
สำนักวิจัยฯ จึงมั่นใจในการเพาะปลูกทุเรียนในเชิงการค้ามากขึ้น
โดยได้ส่งเจ้าหน้าที่มาสำรวจติดตามเกือบทุกสัปดาห์
ทั้งนี้ช่วงทศวรรษ 1970 ที่ผ่านมา
สถาบันวิจัยต่างๆ ในอำเภอเป่าถิงพยายามทดลองปลูกทุเรียนมาโดยตลอด
แต่อาจเป็นเพราะปลูกโดยใช้ต้นกล้า ที่ผ่านมาการต่อกิ่งปรับปรุงพันธ์จึงไม่ประสบผลสำเร็จและไม่ติดผล
จึงเชื่อว่าสภาพดินและอากาศในไห่หนานไม่เหมาะในการปลูกทุเรียน
อย่างไรก็ตามหลังการปลูกทุเรียนได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการจำนวนมาก
ในปี 2560 สถาบันวิทยาศาสตร์การเกษตรมณฑลไห่หนาน จึงได้เริ่มศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาพันธุ์ทุเรียน
และทำการวิจัยอุตสาหกรรมการปลูกทุเรียนที่ไห่หนานอีกครั้ง
การประสบความสำเร็จโดยบังเอิญในครั้งนี้จึงมั่นใจว่จะสามารถพัฒนาอุตสาหกรรมทุเรียนได้
และขณะนี้พยายามกระจายพันธุ์และทดลองขยายพื้นที่ปลูกในเมืองเป่าถิงเพิ่มมากขึ้น
แต่นักวิจัยมีความเห็นว่ายังต้องศึกษาเทคโนโลยีในการเพาะปลูก
พื้นที่ปลูก และพันธุ์ทุเรียนที่เหมาะสม ต้องมีการคัดเลือกพันธุ์ทดลอง
ศึกษาการปรับตัวของพันธุ์ทุเรียน เพราะแม้ทุเรียนที่เพราะปลูกในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้จะมีภูมิอากาศคล้ายคลึงกับตอนใต้ของมณฑลไห่หนาน
แต่สภาพแวดล้อมและลักษณะเฉพาะของพันธุ์เป็นเรื่องที่ยังต้องศึกษาเปรียบเทียบต่อไป
จึงยังไม่สนับสนุนให้เกษตรกรเร่งเพาะปลูกทุเรียนในขณะนี้ ให้รอความเหมาะสม
การปรับปรุงพื้นที่เพาะปลูก การพัฒนาพันธุ์
และศึกษาความเป็นไปได้ในการเพาะปลูกเชิงการค้า
เบื้องต้นพบว่าพื้นปลูกที่น่าจะมีความเป็นไปได้ในการปลูกทุเรียนในมณฑลไห่หนาน
ประกอบด้วย เมืองซานย่า อำเภอปกครองตนเองชนชาติหลี และเหมียวเป่าถิง
อำเภอปกครองตนเองชนชาติหลีหลิงสุ่ย และอำเภอปกครองตนเองชนชาติหลีเล่อตง และขณะนี้สถาบันได้ทำแปลงทดลอง
2 แห่ง ที่อำเภอเป่าถิง และหลิงสุ่ย
ฝ่ายการเกษตรประจำสถานกงศุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว
รายงานว่า
ชาวจีนนิยมบริโภคทุเรียนเป็นอย่างมากและมีแนวโน้มนำเข้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
โดยระหว่างปี 2549-2559 ความต้องการบริโภคทุเรียนของจีนเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 13% ต่อปี และคาดการณ์ว่าตั้งแต่ปี 2562
ปริมาณการนำเข้าทุเรียนของจีนจะเพิ่มจาก 400,000 ตัน/ปี เป็น 1,000,000 ตัน/ปีในปี
2573 และไทยเป็นประเทศเดียวที่ได้รับอนุญาตให้ส่งออกทุเรียนผลสดไปจีนอย่างถูกต้อง
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมามีการนำเข้าทุเรียนจากเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม
ทั้งลักลอบนำเข้าทางชายแดน และสวมสิทธิ์ทุเรียนไทย
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นเรื่องที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนชาวสวนทุเรียนต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ควบคู่กับการปรับปรุงพัฒนาการปลูกทุเรียนเพื่อยกระดับคุณภาพและมาตรฐาน โดยรักษาจุดเด่นและความเป็นเอกลักษณ์ของทุเรียนไทย และปฏิบัติตามเงื่อนไขในการนำเข้าอย่างเข้มงวด เพราะเป็นทางเดียวที่จะสามารถรักษาภาพลักษณ์ชื่อเสียง ควบคู่กับเพิ่มช่องทางขยายฐานการตลาดสร้างรายได้และมูลค่าเพิ่มให้กับทุเรียนไทย